ครม. ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือชาวนา และเกษตรกรไร่อ้อย

       นายปิยะ มีผล รองผู้อำนวยการสำนักข่าว ส่วนปฏิบัติการและบริหารข้อมูลข่าวสาร กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการศูนย์ข้อมูลข่าวสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า  ประชุม ครม. ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานประชุม มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกร 2 เรื่อง ได้แก่ ข้าวและน้ำตาล
ครม. เห็นชอบจ่ายเงินช่วยค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ 1,000 บาท
   ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2566/2567 (เพิ่มเติม) ตามที่คณะกรรมการบริหารและจัดการข้าวแห่งชาติ (นบข.) เสนอมาตรการให้เงินช่วยเหลือชาวนา (ค่าเก็บเกี่ยวข้าว) ไร่ละ 1,000 บาท ภายใต้โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/2567 วงเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท
•    กลุ่มเป้าหมาย -  เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/2567 ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ 
•    วิธีการ - กรมส่งเสริมการเกษตร นำข้อมูลรายชื่อเกษตรกรที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2566/2567 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ส่งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท 
   ทั้งนี้ ได้มีการหารือร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทันทีหลังมีมติออกไป คาดว่าจะดำเนินโครงการได้ภายในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ หรือสามารถจ่ายเงินได้ช้าที่สุดไม่เกิน 
1 เดือน
ครม. เห็นชอบขึ้นราคาน้ำตาลทราย 2 บาท ต่อ ก.ก.
    ครม. มีมติเคาะขึ้นราคาน้ำตาล 2 บาท ตามต้นทุนที่มีการปรับตัว ส่วนอีก 2 บาทที่ขอขึ้นเพื่อใช้ในกองทุนเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม ครม.ยังไม่อนุมัติ โดยขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันก่อน เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับผู้บริโภคเพียงฝ่ายเดียว 
     เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ครม. มีมติเห็นชอบให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อป้องกันผลกระทบกับประชาชนและทุกภาคส่วนที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบ ทั้งสินค้ากลุ่มอาหารกระป๋อง เครื่องดื่ม ขนมหวาน ที่อาจมีการปรับขึ้นราคา
     โดยเมื่อวันที่ 1 พ.ย 66 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้ออกประกาศ กำหนดมาตรการ จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ 
1. ควบคุมราคาน้ำตาลทรายทรายขาวธรรมดา และน้ำตาลทรายขาว  บริสุทธิ์ 19 - 20 บาท/กก. และ 2. การกำหนดแนวทางควบคุมการส่งออกตั้งแต่ 1,000 กก. ขึ้นไป
    อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 พ.ย 66 ได้มีการประชุมหารือกับตัวแทนชาวไร่อ้อย ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นควรให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อพิจารณาแนวทางการบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ให้มีปริมาณที่เพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศ มีราคาที่เหมาะสม เป็นธรรมต่อประชาชนผู้บริโภค โดยเกษตรกรชาวไร่อ้อย ได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสมเป็นธรรม 
•    ปรับราคาจำหน่ายหน้าโรงงาน กิโลกรัมละ 2 บาท 
-    น้ำตาลทรายขาว เดิมกิโลกรัมละ 19 บาท ปรับเป็น 21 บาท
-    น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ เดิมกิโลกรัมละ 20 บาท ปรับเป็น 22 บาท
       อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุม ครม. คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติให้ยกเลิกประกาศ กกร. ฉบับเดิม 
        ทั้งนี้ น้ำตาลทราย ยังคงเป็นสินค้าควบคุม ภายใต้ พ.ร.บ. ว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ พ.ศ.  2542 และ กกร. จะออกประกาศฉบับใหม่ กำหนดเพียงราคาหน้าโรงงานเท่านั้น ที่ 21 - 22 บาท/กก. ตามมติ ครม. ที่ให้ปรับขึ้น 2 บาท/กก.  ส่วนราคาขายปลีกไม่ได้กำหนด แต่ผู้ค้าจะต้องขายในราคาที่สอดคล้อง กับต้นทุน และในส่วนของการส่งออก ไม่ต้องขออนุญาตกรมการค้าภายในแล้วเพียงแค่ให้แจ้งปริมาณส่งออก และปริมาณน้ำตาลคงเหลือในสต็อก เพื่อให้กรมการค้าภายใน สามารถติดตามดูแลปริมาณน้ำตาลในประเทศไม่ให้เกิดการขาดแคลน 
•    พาณิชย์ ตรวจเข้มน้ำตาลทรายหวั่นกักตุน
     สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ยืนยันว่า น้ำตาลทราย ในประเทศไม่ขาดแคลนแน่นอน และสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ ภาวะปกติหลังจากนี้ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ จะส่งเจ้าหน้าที่ทั้งจากกรมการค้า ภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบสถานการณ์ การค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค และการกักตุนหรือปฏิเสธการขาย โดยหากพบผู้ค้ารายใดกักตุน หรือปฏิเสธการขายหรือขายราคาสูงเกินสมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                                                                                                                             เรียบเรียง/ข่าว : ธวัลรัตน์ แดงเจริญ นักประชาสัมพันธ์
                                                                                                                                     แหล่งข้อมูล : ศูนย์ข่าว IOC กรมประชาสัมพันธ์


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar
ginfo
สนง.ป้องกันและปราบปราม
กยศ
e-government
มหาดไทย
พาณิชย์
เกษตร
ทรัพยากรธรรมชาติ
แรงงาน
อุตสาหกรรม
ยุติธรรม
ดิจิทัล